เสียงในธรรมชาติ


ความคิดของ JOHN FISCHER เกี่ยวกับความสำคัญของสุนทรียภาพของเสียงในธรรมชาติ

เรารู้ว่าธรรมชาติจะสวยงามก็ต้องมีเสียงในธรรมชาติด้วย เพราะเสียงก็เป็น aesthetic discussion การสาธยายทางสุนทรียภาพ เราน่าจะมองเห็นการโต้ตอบในความสวยงามของเสียงด้วย เสียงของธรรมชาติได้ถูกลืมในทฤษฎีสุนทรียศาสตร์ บางอย่างมันให้สิ่งที่ดีเกี่ยวข้องคล้ายกับดนตรี บางคนคิดว่าเสียงดนตรีเป็นสิ่งสำคัญ บางคนคิดว่าเสียงไม่ใช่สิ่งที่สำคัญในธรรมชาติ บางคนก็คิดว่าเสียงของธรรมชาติไม่ใช่สิ่งที่น่าชื่นชมของสุนทรียภาพ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เสียงมากมายในธรรมชาติ ที่เราได้ยินมันมีคุณค่ามาก สำหรับเสียงที่ประดิษฐ์โดยธรรมชาติ เพราะเสียงของธรรมชาติที่มีค่ามันสวยน่าสนใจอาจจะเป็นเสียงเดียวหรือหลายเสียงรวมกัน เพราะการตอบสนองของเสียง aesthetic response มันไม่ใช่แค่เสียงดนตรี, เสียงมนุษย์เท่านั้นที่มีค่า แต่สาระพัดเสียงก็มีค่าน่าฟังทั้งนั้น Soundscape มันอ้างถึงสิ่งแวดล้อมของเสียง เสียงทั้งหมดที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นสถานที่และเวลา มีเสียงเกิดขึ้นเป็นประจำในสิ่งแวดล้อมนั้น อาจจะเป็นสิ่งแวดล้อมที่สร้างโดยมนุษย์ หรือเสียงธรรมชาติมาผสม เราสามารถแยก soundscape ทั้งหมด หรือ focus ไปที่เสียงของแต่ละบุคลิก คล้ายกับว่า soundscape เป็นชนิดของเสียงในแต่ละบ้าน แต่ละสถานที่,เวลาในแต่ละวัน, ฤดูกาล ซึ่งมันเป็นเสียงของแต่ละบุคลิกลักษณะของมัน และมันก็น่าสนุกถ้าเราจะนั่งฟังเสียงเหล่านั้น เพราะมันมีสุนทรียภาพของแต่ละที่ และsoundscape เปลี่ยนตามเวลาเร็วกว่า landscape อีกอย่างคือ landscape มันจะไม่สวยเท่าไหร่ ถ้าขาดเสียงที่เป็นสิ่งสำคัญในธรรมชาติด้วย และเสียงที่เกิดขึ้นประจำ และเสียงที่ไม่ปกติ จะมีใน soundscape ซึ่งเป็นเสียงที่เป็นวัตถุทางสุนทรียภาพ เพราะมันสนุกถ้าเรารับฟังมันด้วย ประชาชนส่วนมากเชื่อว่า เสียงมีคุณค่าน้อยทางสุนทรียภาพ เพราะปกติเราจะ focus ไปที่เสียงที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เสียงพูด, เสียงโทรศัพท์, เสียงกริ๊งประตู แต่ถ้าเราลองไปอยู่ใกล้ๆป่า forest soundscape เราจะได้ยินเสียงของต้นไม้ ซึ่งเป็นเสียงที่ดีที่น่าฟังมากกว่า
ฉะนั้น การเห็นคุณค่าของเสียงในธรรมชาติ มันเป็นส่วนหนึ่งของสุนทรียภาพในธรรมชาติ เราควรจะใช้หูของเราฟังเสียงเหล่านี้บ้าง แล้วเราจะพบในสิ่งที่น่าฟัง

JOHN FISCHER มีข้อแนะนำอย่างไร ที่จะช่วยให้เราสามารถรู้จัก คุณค่าของเสียงให้มากขึ้น
ถ้าเราไม่ให้ความสนใจกับเสียงในธรรมชาติ เราไม่ยอมดูไม่ยอมสนใจนั้น = การเดินทางไกลในธรรมชาติ โดยคิดว่าสุนทรียภาพต้องเป็นสิ่งที่เราเห็นเท่านั้น ไม่สนใจเสียงในธรรมชาติ ซึ่งในความจริงแล้วมันไม่ใช่ การที่เราได้ยินเสียงทำให้เราไม่โดดเดี่ยว เราควรจะสนใจเสียงอื่นด้วย คือ เราต้องพยายามเห็นคุณค่าของเสียงด้วย แม้ในถิ่นทุรกันดาร ที่มีความเงียบสงบของธรรมชาติ แต่ความจริงแล้วธรรมชาติไม่เงียบ เปรียบเหมือนกับพรม เพราะในธรรมชาติเต็มไปด้วยเสียงมากมาย ธรรมชาติจึงเป็นพรมที่ช่วยทำให้เสียงที่เกิดในป่านั้นมีความนุ่มนวล และอบอุ่นขึ้น เสียงในธรรมชาติ จึงสวยงามและอยู่ร่วมกัน เป็นสิ่งแวดล้อมขึ้นมาเกื้อหนุน ซึ่งกันและกันได้
และอย่าคิดว่าเสียงที่มีค่า คือเสียงดนตรีเท่านั้น โดยไม่ชอบเสียงอื่นๆ ที่คิดว่าไม่ดี ไม่น่าฟัง เท่ากับมันเป็นทัศนคติที่คับแคบเกินไป เราจึงควรมีความคิดใหม่ และเห็นคุณค่าจากเสียงอื่นที่ไม่ใช่เสียงจากดนตรีด้วย
และการมองวัตถุทางสุนทรีย์ในธรรมชาติ มันไม่มี frame เหมือนกับงานศิลปะ ที่จริงธรรมชาติมีวิธีบอกเรื่องราวความสนใจจากมันในแง่อื่นด้วย คือ คุณค่าของเสียงในธรรมชาติ มันอาจจะยากซักหน่อยในระยะแรก แต่ถ้าเราฝึกฟังเสียงต่างๆ แล้วเมื่อใดที่เรายอมเปิดใจรับรู้ เราก็จะเข้าใจในความเป็นธรรมชาติมากขึ้น แม้เสียงในธรรมชาติมันจะหลากหลาย แต่ไม่นานเราก็จะสนุกกับการฟังเสียงต่างๆที่ธรรมชาติได้เปิดเผยตัวออกมาอย่างแผ่วเบา และโอบล้อมเราไว้
บัดนั้นเราก็จะสามารถสนุกกับสุนทรียภาพอีกแบบ ของเสียงในธรรมชาติ ถ้าเราให้ความสนใจ และเห็นคุณค่าของเสียงในธรรมชาติ ซึ่งมันก็เป็นส่วนหนึ่งของสุนทรียภาพในธรรมชาตินั้นด้วย แล้วเราก็จะพบสิ่งที่น่าฟังที่เปิดเผยตัว รอให้เราไปสัมผัสกับมัน

2002 copyright by myARTery